เทรนด์มาแรง คู่มือทำตลาด 2023 ที่ต้องรู้ ตามให้ทันยุคสมัย

เทรนด์มาแรง คู่มือทำตลาด 2023 ที่ต้องรู้ ตามให้ทันยุคสมัย

เทรนด์มาแรง หลังต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ นานกว่า 3 ปี ทำให้เกิดความผันผวนของตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก การที่ได้รู้ และได้ปรับปรุงก่อน และพัฒนาตัวเองก่อน ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ได้เปรียบ ในการทำการตลาด และดำเนินธุรกิจต่าง ๆ

MI Group ก็ได้มีการสรุปประเด็นต่าง ๆ ที่นักการตลาด และผู้ประกอบการ SMEs ต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อ เทรนด์การเสพสื่อ เทรนด์การตลาด จากจำนวนผู้ใช้งาน ของแพลตฟอร์มโชเซียลต่าง ๆ เพื่อที่จะชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ รู้ก่อน ได้เปรียบก่อน

นอกจากนี้ ยังมีการอัพเดทพฤติกรรมของคนไทย ในแต่ละเจนเนอเรชั่น ที่เปลี่ยนไป จับตาเทรนด์การสร้างแบรนด์ และองค์กรเพื่อความยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่นักการตลาด นักสื่อสารการตลาด ต้องรู้ลึกรู้จริง เข้าใจและเข้าถึง สรุปออกมาเป็น 10 เทรนด์ดังนี้

10 เทรนด์มาแรง เทรนด์การตลาดในปี 2023

1. เทรนด์การเสพสื่อ ปี 2023

สรุปภาพรวม 3 สื่อหลัก ที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมากที่สุด

1. ทีวี 75% (ก่อนโควิด 80%)
2. ออนไลน์ 80% (ก่อนโควิด 70%)
3. สื่อนอกบ้าน (OOH) 35% (ก่อนโควิด 35%)

ถึงแม้ตัวเลขของสื่อทีวี จะลดลง แต่การรับชม Video on demand หรือแอพพลิเคชั่น และวิดีโอสตรีมมิ่ง กลับมาเพิ่มขึ้น เพราะคนไทยนิยมเสพคอนเทนต์วิดีโอ

92% ของคนไทย เลือกดูมากกว่า 1 แพลตฟอร์ม

71% ของคนไทย ยอมดูแพลตฟอร์มที่มีโฆษณา

26 ล้านคน หรือคนไทย 1 ใน 3 ดูผ่าน OTT (over-the-top)

18 ล้านคน จำนวนคนไทยเข้าถึงแพลตฟอร์ม OTT (over-the-top)

ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์ม แต่ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์มากกว่า หากคอนเทนต์น่าสนใจ ก็พร้อมเลือกรับชม

เทรนด์มาแรง

2. แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่ได้รับความนิยมจากคนไทย

Facebook = 44 ล้านผู้ใช้ โดยกลุ่มหลัก จะเป็นช่วงอายุ 18-44 ปี เพื่อใช้อัพเดทข้อมูลข่าวสาร

YouTube = 38 ล้านผู้ใช้ ทุกช่วงอายุ คอนเทนต์บันเทิงและแรงบันดาลใจ

Instagram = 23 ล้านผู้ใช้ โดยกลุ่มหลัก จะเป็นช่วงอายุ 18-35 ปี คอนเทนต์โฟโต้บุ๊ก

Twitter = 8 ล้านผู้ใช้ โดยกลุ่มหลัก จะเป็นช่วงอายุ 16-29 ปี อัพเดทเทรนด์ และข่าวสาร แสดงความคิดเห็น

Line = 50 ล้านผู้ใช้ ทุกช่วงอายุ ใช้งานแชท

TikTok = 27 ล้านผู้ใช้ โดยกลุ่มหลัก จะเป็นช่วงอายุ 18-35 ปี คลิปสั้น คอนเทนต์บันเทิง

แพลตฟอร์มที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นคือ Discord กลุ่มเล่นเกม และ RAVE แชร์ดูคอนเทนต์ร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว

3. อัพเดท 6 Generations ในสังคมไทยที่นักการตลาดต้องรู้

3.1. Silent Gen ช่วงอายุ 77-94 ปี
– ใช้ชีวิตผ่อนคลายหลังเกษียณ
– เริ่มปล่อยวางสิ่งรอบตัว
– พร้อมส่งต่อความสุขให้กับลูกหลาน
– เสพสื่อทีวีเป็นหลัก
– ใช้สื่อออนไลน์ Line และ YouTube เล็กน้อย

3.2. Baby Boomer ช่วงอายุ 58-76 ปี
– อุทิศชีวิตให้กับงานและภักดีต่อองค์กร
– ยึดมั่นตามกฎระเบียบ ยากที่จะเปลี่ยนความคิดที่ยึดถือ
– ใส่ใจสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ
– รับชมสื่อทีวีเป็นประจำ 83% ปี 2022 เสพสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น 19%
– เริ่มคอมเมนต์และแชร์บนสื่อโซเชียลมากขึ้น

3.3. Gen X ช่วงอายุ 42-57 ปี
– มีเป้าหมาย มุ่งมั่นแสวงหาความก้าวหน้า วัดคุณค่าตามมาตรฐานสังคม
– เป็นผู้ประสานความคิดระหว่างเจน Baby Boomer และ Gen Y
– ให้ความสำคัญกับการดูแลฟื้นฟูสุขภาพ
– รับชมสื่อทีวีเป็นประจำ 78%
– ใช้สื่อออนไลน์ Facebook, YouTube และ Line เป็นหลัก 91% เริ่มใช้ TikTok
– ซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้น 662% ในปี 2022 (เทียบปี 2021)

3.4. Gen Y ช่วงอายุ 26-41 ปี
– เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
– วัดความสำเร็จโดยดูจากผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ
– กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ
– ให้ความสำคัญกับ Work-life Balance
– ดูทีวีเป็นประจำ 68%
– ใช้สื่อออนไลน์ 97% แพลตฟอร์มหลัก Facebook, YouTube, Line และ TikTok
– ซื้อของทางออนไลน์สูงขึ้น 227% ในปี 2022 (เทียบปี 2021)

3.5. Gen Z ช่วงอายุ 12-25 ปี
– เติบโตในยุคอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย
– เสพติดความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี
– มีความเป็นตัวเองสูงและมีความคิดริเริ่ม
– ติดตามเทรนด์แต่นำเทรนด์มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของตนเอง
– ใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก 99% ดูทีวี 54%
– ใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย เข้าถึงสื่อกลุ่มใหม่ๆ เปิดรับสื่อและแพลตฟอร์มใหม่
– ซื้อของออนไลน์สูงสุด เล่นเกมออนไลน์สูงเป็นอันดับ 2

3.6. Gen Alpha อายุน้อยกว่า 12 ปี
– เติบโตและพึ่งพานวัตกรรมและเทคโนโลยีตั้งแต่แรกเริ่ม
– สร้างตัวตนและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ (Multiverse Personal)
– พฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ
– ใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก 99% ดูทีวี 58%
– ใช้ Facebook, YouTube, Line และ TikTok
– เล่นเกมออนไลน์สูงเป็นอันดับ 1

4. Real Brand Experience 3 สิ่งที่ควรคำนึงถึง เพื่อสร้างประสบการณ์ของแบรนด์

4.1. Hybrid Event การผสานกิจกรรมแบบมีส่วนร่วมด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้เกิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

4.2. Stimulate Sharing สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับงานนั้นๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการแชร์ต่อ

4.3. Quality > Quantity ให้ความสำคัญกับคุณภาพ มากกว่าจำนวนคนเข้าร่วมงาน ทำให้เกิดความประทับใจ การจดจำและการบอกต่อได้ดี

5. จับตา 3 เทรนด์มาแรง สร้างแบรนด์และองค์กร ปี 2023

5.1. ESG ธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบต่อ Environment (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล)

5.2. Women’s Empowerment สนับสนุนความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกเพศ และกระตุ้นความรู้สึกการเห็นคุณค่าของตัวเอง และของผู้อื่น

5.3. DEI สนับสนุนสังคมที่มี Diversity (ความหลากหลาย) Equity (เสมอภาค) และ Inclusion (เปิดโอกาสให้ทุกคน)

สรุป 4 พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ใหม่ผู้บริโภค เทรนด์มาแรง 2023

1. ชีวิตที่มีความสมดุลและสุขภาวะที่ดี (Well-Balanced & Wellness)

มุมมองและนิยามของคุณภาพชีวิต ที่เปลี่ยนไป คนเริ่มหันมาสนใจชีวิต และการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งความสมดุลในการใช้ชีวิตเกิดขึ้นจากหลายมิติ เช่น ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม การงาน ความรู้ทางปัญญา ตลอดจนการเงินและอื่นๆ

จึงถือเป็นความท้าทายใหม่ ของนักการตลาด ในการปรับกลยุทธ์ และแนวทางการพัฒนาสินค้า และบริการ ให้ตรงใจผู้บริโภค

2. พฤติกรรมไร้สัมผัส (Contractless)

จากการระบาดของโควิด ได้กระตุ้นและเร่งให้เทคโนโลยีไร้สัมผัส ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายขึ้น แม้ผู้คนจะกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นแล้ว ก็ตาม

แต่พฤติกรรมลดการสัมผัสก็ยังคงมีอยู่ เพราะความเคยชิน และความสะดวกสบายที่ได้รับ จากเทคโนโลยี จึงเป็นโอกาสที่นักการตลาด จะสร้างประสบการณ์ที่ดี กับผู้บริโภคในเรื่องนี้

ดังนั้นการออกแบบ True Omni Customer Journey เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี จากการผสานดิจิทัล และประสบการณ์จริงเข้าด้วยกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย

3. ผู้สูงวัยดิจิทัล (Senior Go Digital)

ผู้สูงวัย เริ่มหันมาสนใจ และหันมาใช้งานเครื่องมือ และอุปกรณ์ดิจิทัลมากขึ้น พฤติกรรมออนไลน์ ที่กลุ่มผู้สูงอายุใช้งานบ่อยขึ้น คือ แอพธนาคาร, ช้อปปิ้งออนไลน์, บริการขนส่ง, แอพช่วยเหลือต่างๆ, แอพช่วยสื่อสาร

สำหรับนักการตลาด คนกลุ่มนี้ เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะมีความภักดีต่อแบรนด์สูง ถ้าสนใจทำการตลาดดิจิทัลกับกลุ่มผู้สูงอายุ ต้องมี 3 สิ่งนี้ คือ 1. ใช้งานง่าย 2. ข้อมูลปลอดภัย และ 3. พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา

4. ความโหยหาอดีต (Nostalgia)

ช่วงโรคระบาดโควิดที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง หนึ่งในวิธีจัดการความเครียดสะสม และความกังวล คือ การอยู่กับความสุข และความทรงจำที่ดีในอดีต

ดังนั้น นักการตลาด สามารถนำความโหยหาอดีต มาสร้างความผูกพันทางอารมณ์ หรือประสบการณ์ดี ๆ ผ่านสินค้า และบริการได้ รวมถึงใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่สามารถขยายกลุ่มลูกค้า ไปต่าง Gen ได้

บทสรุปการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดในยุคนี้ ทำผ่าน ROAS (Return on AD Spend) เพราะนอกจากอีคอมเมิร์ซแล้ว สื่อแบบดั้งเดิมก็วัด ROAS ได้เช่นกัน ตัวอย่าง เช่น การสร้าง QR Code แยกตามตำแหน่งของสื่อนอกบ้าน, การกำหนด Dial-in number (เบอร์โทร) แยกตามรายการทีวีต่างๆ

นอกจากนี้ธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน ต้องเริ่มต้นด้วย CDP (Customer Data Platform) ชวนกลับมาคิดอีกครั้งว่าข้อมูลผู้บริโภคที่เรามีอยู่ นำมาใช้งานและต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง

โดยมี 3 สิ่งต้องรู้ คือ 1. กำหนดเป้าหมายในการจัดเก็บ 2. ทุกแผนกในองค์กรต้องมีเป้าหมายร่วมกัน และ 3. วางแผนการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เลือกเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมาย ชื่อ เบอร์มือถือ อีเมล์ วันเกิด คือ ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *